พลังงาน เป็นความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น พลังงานความร้อน พลังงานแสง พลังงานเสียง พลังงานไฟฟ้า พลังงานในรูปต่างๆ เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปของพลังงานจากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่งได้
เราสามารถแบ่งพลังงานออกได้เป็น 2 แบบคือ
1. พลังงานศักย์ (potential energy)
พลังงานศักย์ (potential energy) คือ พลังงานที่มีในวัตถุเนื่องด้วยตำแหน่งในสนามแรง หรือมีในระบบนั้นเนื่องด้วยการกำหนดค่าในส่วนนั้น ชนิดของพลังงานศักย์ที่พบได้บ่อยคือ พลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุที่ขึ้นอยู่กับมวลและตำแหน่งแนวดิ่ง
พลังงานศักย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกันคือ
***NOTE แรงโน้มถ่วงของโลก หมายถึง แรงดึงดูดของโลกที่กระทำต่อวัตถุใดๆ เพื่อดึงดูดวัตถุเข้าสู่ศูนย์กลางของโลก
1.1.1 ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานศักย์โน้มถ่วงของโลก
1.1.1.1 มวลของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมาก แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุนั้น จะมาก ทำให้ค่าของพลังงานศักย์โน้มถ่วงมาก
1.1.1.2 ตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุ วัตถุที่อยู่ห่างจากผิวโลกมากจะสะสมค่าพลังงานศักย์โน้มถ่วงไว้มาก
***NOTE มวลของวัตถุ หมายถึง เนื้อของวัตถุ ซึ่งจะมีค่าคงที่เสมอ ไม่ว่าวัตถุนั้นจะอยู่ ณ ที่ใด และเป็นสิ่งที่ต่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ
น้ำหนักของวัตถุ หมายถึง แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ เป็นค่า ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างวัตถุกับใจกลางของโลก
1.2 พลังงานศักย์ยืดหยุ่น (elastic potential energy)
พลังงานศักย์ยืดหยุ่น (elastic potential energy) เป็นพลังงานศักย์ที่สะสมในวัตถุที่ติดกับสปริงที่ถูกทำให้ยืดออก หรือ หดเข้า จากตำแหน่งสมดุล
2. พลังงานจลน์ (kinetic energy)
พลังงานจลน์ เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นขณะวัตถุกำลังเคลื่อนที่เนื่องจากมีแรงมากระทำต่อวัตถุและมีค่าเปลี่ยนแปลงตามอัตราเร็วของวัตถุเคลื่อนที่
รูปที่ การไหลของน้ำทำให้กังหันน้ำหมุน
ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานจลน์
1) มวลของวัตถุ วัตถุที่มีค่าของมวลมาก จะมีพลังงานจลน์มาก
2) ความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจะ มีพลังงานจลน์มากด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น